วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ใหันักเรียนจับคู่กันศึกษามาตรฐานในงานเขียนแบบก่อสร้างแล้วทำสไลด์powerpoint ไม่นัอยกว่า10สไลด์

2.มาตราฐานในการเขียนแบบ
2.1  กระดาษเขียนแบบ
2.2  เส้นต่าง ๆ ที่ใช้ในงานเขียนแบบ
2.3  การเขียนตัวอักษร

2.  มาตรฐานในการเขียนแบบ

การเขียนแบบจัดเป็นกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญช่างเทคนิคเป็นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับงานด้านทฤษฎีและปฏิบัติ  ช่างเทคนิคที่เขียนแบบจะถ่ายทอดความคิด  และการสเกตซ์ของวิศวกรสถาปนิกมาเป็นรายละเอียดในงานเขียนแบบ  และการระบุรายการในงานเขียนแบบเพื่อให้เข้าใจตรงกันระหว่างผู้สั่งงานกับผู้ปฏิบัติงาน  จึงมีการกำหนดมาตรฐานในงานเขียนแบบขึ้น

ความหมายของมาตรฐาน
มาตรฐาน  หมายถึง  ข้อกำหนดหรือข้อตกลงกันระหว่างผู้ผลิต  และผู้ใช้เพื่อสร้างความเข้าใจให้ตรงกันเกี่ยวกับขนาดรูปร่าง น้ำหนัก  และส่วนผสมของวัสดุอย่างใดอย่างหนึ่งที่ทำการผลิตขึ้นจากแหล่งผลิตต่าง ๆ ให้มีคุณสมบัติและคุณภาพเหมือนกันสามารถนำมาใช้สับเปลี่ยนทดแทนกันได้

2.1    กระดาษเขียนแบบ

กระดาษเขียนแบบมีหลายขนาด  ผู้เขียนสามารถเลือกใช้ขนาดของกระดาษเขียนแบบให้เหมาะสมกับขนาดของแบบที่ต้องการ  ขนาดของกระดาษเขียนแบบในระบบ  SI unit  หรือระบบเมตริก  ขนาดของกระดาษ  A0  จะมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า  โดยมีพื้นที่  1  ตารางเมตร  มีความกว้าง  ความยาว  คือ
(1 
1.141)  ดังแสดงในภาพที่  2.1
 
 

ภาพที่  2.1  แสดงวิธีการคำนวณหาขนาดของกระดาษ  A0







กระดาษเขียนแบบ  A0  ถ้านำไปแบ่งครึ่งออกไปเรื่อย ๆ กระดาษจะเล็กลงครึ่งหนึ่ง  จากกระดาษมาตรฐาน  A0  จะเปลี่ยนเป็นขนาด  A1, A2, A3 และ  A4  ตามลำดับ  โปรดสังเกตกระดาษ  A1  จะมีพื้นที่น้อยกว่ากระดาษ  A0  จำนวน 1  เท่า  และกระดาษ  A2  จะมีพื้นที่น้อยกว่ากระดาษ  A1  จำนวน  1  เท่า  เป็นสัดส่วนลงไปเรื่อย ๆ ดังแสดงในภาพที่  2.2


ภาพที่  2.2  แสดงสัดส่วนของกระดาษเขียนแบบตามมาตรฐาน
ระบบเมตริกซึ่งมีอัตราส่วนความกว้าง ความยาว  คือ 

เปรียบเทียบขนาดของกระดาษเขียนแบบระบบเมตริกและระบบอังกฤษ







 2.2  การติดกระดาษ

ในการติดกระดาษจะต้องติดกระดาษลงบนกระดาษเขียนแบบให้สนิท โดยใช้เทปกาว  ควรวางตำแหน่งของกระดาษเขียนแบบให้ใกล้กับขอบซ้ายมือของกระดานเขียนแบบ  เพื่อให้เกิดระยะผิดพลาดจากการเขียนแบบน้อยที่สุด



ภาพที่  2.3  การติดกระดาษเขียนแบบ



2.3  ตารางรายการ

เป็นตารางบอกรายละเอียดต่าง ๆ ของแบบ  เช่น ชื่อของแบบงาน  ชื่อผู้เขียนแบบ  มาตราส่วนชื่อบริษัทหรือสถานศึกษา  วัน/เดือน/ปี ที่เขียนแบบและหมายเลขแบบ  เป็นต้น  ตารางรายการนี้ถ้าใช้กระดาษเขียนแบบขนาด A4  สามารถแสดงไว้ด้านล่างตลอดความยาวของกระดาษ  แต่ถ้าใช้กระดาษ  A3  ซึ่งมีความยาวมาก  อาจเขียนไว้บริเวณมุมขวามือของกระดาษได้  ดังแสดงในภาพที่  2.4






 ภาพที่  2.4  แสดงลักษณะและขนาดของตารางรายการของแบบ



  

ภาพที่  2.5  แสดงลักษณะและขนาดของตารางรายการของแบบของกระดาษขนาด  A3



3.  เส้น

เส้นร่างแบบใช้เพื่อร่างแบบงานโดยเขียนอย่างเบาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเขียนอีกหรือเป็นการเข้าใจผิดกันเส้นอื่น ๆ  ในการเขียนแบบ
โดยทั่ว ๆ ไปชนิดของเส้นในงานวิศวกรรมมีอยู่หลายชนิด  ดังตารางแสดงชนิดของเส้น  ชื่อของเส้นและลักษณะการใช้งาน

 



ภาพที่ 2.6  ลักษณะของเส้นในการใช้งานเขียนแบบ

3.1.1          แสดงชนิดของเส้นการใช้งานและตัวอย่างการใช้งาน







4.   การเขียนตัวอักษรและตัวเลข

ข้อมูลในการเขียนแบบซึ่งไม่สามารถแสดงเป็นรูปทรงโดยเส้นอาจแสดงโดยกำหนดขนาดเป็นตัวเลข  ตัวอักษร  ซึ่งจะให้รายละเอียดในแบบงานได้อย่างครบถ้วนและมีความหมายที่สมบูรณ์  การเขียนตัวเลขและตัวอักษรเขียนได้หลาย ๆ วิธี  การเขียนด้วยมือ  การเขียนด้วยอุปกรณ์โดยใช้แผ่นแม่แบบ  เป็นต้น
ตัวอักษรระบบโกติกใช้วิธีเขียนแบบซิงเกิลสโตรค  (Single  Stroke  Gothic  Lettering)  มาตรฐานของตัวอักษรได้พัฒนาดัดแปลงรูปแบบของชุดตัวพิมพ์ตัวอักษรแบบโกติก  คำว่าชุดตัวพิมพ์  (front)  หมายถึง  การจำแนกหรือการจัดเป็นชุดเดียวกันในขนาดและรูปแบบของตัวอักษรและคำว่า  ซิงเกิลสโตรก  (Single-stroke)  มาจากหลักความจริงว่า  แต่ละตัวอักษรเขียนขึ้นด้วยเส้นตรงเดี่ยวหรือเส้นโค้งพื้นฐาน  ซึ่งทำให้ง่ายต่อการเขียนและสะดวกต่อการอ่าน  เหตุผลที่งานอุตสาหกรรมยอมรับการเขียนตัวอักษรรูปแบบนี้ก็เพราะว่าตัวอักษรชนิดเขียนได้เร็วมาก ตัวอักษรโกติกแบ่งออกเป็น ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ และตัวอักษรพิมพ์เล็ก(ตรงและเอียง)ดังรูป  4.1











การเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษ


 ภาพที่  4.7  การเขียนอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ตรงและตัวพิมพ์เล็กตรง




 ภาพที่  2.8  การเขียนอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่เอียงและตัวพิมพ์เล็กเอียง



การเขียนตัวอักษรและตัวเลขไทย




ภาพที่  2.9  การเขียนตัวอักษรภาษาไทยและตัวเลข


รูปแบบในการเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวใหญ่

รูปแบบของการเขียนตัวอักษรตัวใหญ่นั้นบางกลุ่มมีอัตราส่วนระหว่างความกว้างต่อความสูงเท่ากันแต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีอัตราส่วนระหว่างความกว้างต่อความสูง  คือ 5/6  แต่มีอยู่  1 ตัวที่มีความกว้างมากกว่าความสูง  นั่นก็คือ  ตัว  “W”  ดังแสดงในภาพที่  2.10  และภาพที่  2.11


ภาพที่  2.10  แสดงอัตราส่วนระหว่างความกว้างต่อความสูงของตัวอักษรตัวตรง





 ภาพที่  2.11  แสดงอัตราส่วนระหว่างความกว้างต่อความสูงของตัวอักษรตัวเอียง



ตัวอักษรพิมพ์ตัวเล็ก
ตัวอักษรพิมพ์เล็กนั้นประกอบด้วย  3  ส่วน  คือ  ส่วนหลักซึ่งอยู่ตรงกลาง  ส่วนบน  และส่วนล่าง  โดยส่วนหลักจะมีความสูงเป็น  2/3  ของความสูงของตัวอักษรนำ  ถ้าส่วนหลักเป็น 2/3  ของตัวอักษรนำส่วนบนและส่วนล่างก็จะเป็น  1/6  ของอักษรนำ  ดังแสดงในภาพที่  2.12  และ  2.13


ภาพที่  2.12  แสดงโครงสร้างของอักษรตัวพิมพ์เล็ก

   
ภาพที่  2.13  แสดงขั้นตอนการเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์เล็ก



5.  มาตราส่วน

มาตราส่วน  (scale)  โดยทั่ว ๆ ไปจะอยู่ใต้ภาพของชิ้นงานหรืออยู่ภายในบล็อคของกระดาษเขียนแบบเป็นการยากที่จะเขียนแบบขนาดเต็มเท่ากับชิ้นงานจริง  เช่น  เครื่องบิน  อาคารสิ่งก่อสร้าง  เป็นต้น  จึงจำเป็นต้องมีการลดขนาดโดยใช้มาตราส่วนย่อ  ในทางตรงกันข้ามกัน  ชิ้นส่วนเล็ก ๆ เช่น เฟืองนาฬิกา  ก็ต้องขยายภาพเพื่อให้ได้รายละเอียดที่ชัดเจน  จึงต้องมีการใช้มาตราส่วนขยาย
มาตราส่วนที่นิยมใช้ในงานเขียนแบบเครื่องกล  คือ
1.       มาตรฐานส่วนเต็ม  เช่น  มาตราส่วน  1:1





ภาพที่ 2.14  มาตราส่วนเต็ม  1 :1

2.       มาตราส่วนย่อ  เช่น  มาตราส่วน  1:2  1:5  1:10  หรือ  1:1000  เป็นต้น



ภาพที่ 2.15  มาตราส่วน  1 :2

3.       มาตราส่วนขยาย  เช่น  มาตราส่วน  2:1  5:1  10:1 เป็นต้น



ภาพที่ 2.16  มาตราส่วนขยาย  2:1

ตัวอย่างมาตราส่วนเต็ม  มาตราส่วนขยาย  และมาตราส่วนย่อ
  





ตารางแสดงการเปรียบเทียบมาตราส่วน

มาตราส่วน
ขนาดงานจริง
ขนาดที่เขียนลงในแบบงาน
:1
2 :1
5 :1
10 :1
:2
:5
:10
10
10
20
50
100
5
2
1
20
20
40
100
200
10
4
2
30
30
60
150
300
15
6
3

สัญลักษณ์ของหน่วยในระบบเมตริก                             การแปลงหน่วยระบบเมตริกเป็นระบบนิ้ว
         มิลลิเมตร                 =          มม.                                           1  มิลลิเมตร         =             0.03937      นิ้ว
         เซนติเมตร               =          ซม.                                           1  เซนติเมตร       =             0.3937        นิ้ว
         เดซิเมตร                  =          ดม.                                           1  เมตร                 =             39.37           นิ้ว
         เมตร                         =          ม.                                              1  กิโลเมตร          =             0.6214        ไมล์

วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ให้นักเรียนศึกษาสัญลักษณ์ในงานเขียนแบบก่อสร้าง โดยการทำใน Blog แล้วนำลิงค์มาวาง

สัญลักษณ์ในงานเขียนแบบ หมายถึง สิ่งที่ใช้เป็นภาพสื่อสารกันระหว่างผู้ออกแบบกับผู้ปฏิบัติงานซึ่งผู้เขียนแบบจะเขียนลงไปในแบบ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและทราบรายละเอียดของแบบอย่างชัดเจน สัญลักษณ์ที่ใช้ในงานเขียนแบบ อาจแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้หลายอย่าง เช่นสัญลัก1. การเขียนภาพฉาย
           การเขียนภาพฉาย เป็นวิธีเขียนอีกแบบหนึ่งที่เขียนแล้วสามารถมองเห็นลักษณะและรูปทรงของสิ่งนั้นๆ ได้ง่ายตามความเป็นจริง เพราะแบบงานที่จะนำไปใช้ผลิตจะต้องเป็นแบบที่มีรายละเอียดครบถ้วน วิธีการเขียนภาพฉายนั้นจะต้องเขียนลักษณะรูปทรงครบทุกด้าน คือด้านบน ด้านล่าง ด้านข้างซ้าย ด้านข้างขวา ด้านหน้า และด้านหลัง แต่ถ้าเป็นรูปทรงที่มีลักษณะด้านตรงข้ามเหมือนกันก็นิยมเขียนเพียง 3 ด้าน คือ ด้านบน ด้านหน้า และด้านข้าง
        ลำดับขั้นการเขียนแบบภาพฉาย
ภาพตู้ยา
        1.1  ให้ภาพที่มีรายละเอียดมากที่สุดเป็นด้านหน้า
                                                         
         1.2  ร่างเส้นฉายภาพด้วยเส้นบาง (เส้นสีฟ้า) ไปยังด้านบนเพื่อที่ต้องการทราบระยะว่ามีขนาดความยาวเท่ากับด้านหน้า
         1.3  เขียนภาพด้านบนให้อยู่ทางด้านบนของภาพด้านหน้า
         1.4  ร่างเส้นฉาย (เส้นสีฟ้า) จากภาพด้านหน้าไปยังด้านข้างโดยให้มีความสูงเท่ากับภาพด้านหน้าส่วนความกว้างของภาพด้านข้าง ให้ร่างเส้นฉายลงมาตัดกับเส้นที่เอียงทำมุม 45 องศา จากจุดตัดกับเส้น 45 องศา ให้ร่างฉายมายังภาพด้านบน (เส้นสีแดง)
         1.5  ลบเส้นร่าง(เส้นสีฟ้าและสีแดง) ออกใ้ห้หมด
         1.6  เติมรายละเอียดโดยการเขียนเส้นบอกขนาดของภาพ ด้วยเส้นบอกขนาดและเขียนกำกับใต้ภาพว่าเป็นภาพฉายด้านไหน
2.  การเขียนแบบภาพออบลิค
            รูปออบลิคเป็นแบบภาพสามมิติอีกชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายกับรูปไอโซเมตริก ส่วนที่แตกต่างกันคือ  ภาพออบลิคจะแสดงด้านหน้าตรงๆ ส่วนด้านข้างจะทำมุม 45 องศา เพียงด้านเดียว คือด้านขวามือ  เนื่องจากภาพออบลิคแสดงด้านหน้าได้ชัดเจนดี  จึงนิยมเขียนภาพที่มีรายละเอียดด้านหน้ามาก ๆ
    ลำดับขั้นการเขียนแบบภาพออบลิค
    2.1      ให้เขียนภาพด้านหน้าก่อน

    2.2      ขีดเส้นด้านข้าง 45 องศา
    2.3      ขีดเส้นตั้งฉากและเส้นระนาบให้ครบ


    2.4      จะได้ภาพออบลิค


     ข้อสังเกตในการเขียนแบบภาพออบลิค
                    1.  มุมที่ใช้ในการเขียนแบบภาพออบลิคจะมีเพียง 2 มุมเท่านั้นคือ 45, 90  เส้นที่ขีดทำมุมด้านขวามือจะเป็นมุม 45 องศา  ส่วนเส้นที่ลากขึ้นหรือลากลงจะเป็นมุม 90 องศา
                    2.  เส้นที่ขีดจะเป็นเส้นขนานกันโดยตลอดคือ เส้นที่ลากทำมุมด้านขวาก็จะขนานกันกับด้านขวา เส้นที่ลากด้านซ้ายเป็นเส้นระนาบ และเส้นที่ลากขึ้นหรือลงก็จะขนานกัน
                    3.  การเขียนเส้นระนาบเส้นแรกควรให้อยู่ด้านล่างเพราะภาพที่เขียนจะอยู่ด้านบนและควรคำนึงถึงความสูงของภาพด้วย
                    4.  ก่อนที่จะเขียนเส้นตั้งฉากจะต้องคำนึงถึงความยาวด้านหน้าของภาพด้วย

    ตัวอย่างภาพออบบริค
    ที่มา : หนังสือเรียนงานช่างม.1-ม.3 สำนักพิมพ์วัฒนาพานิชย์
    3. การเขียนภาพไอโซเมตริก
    การเขียนแบบภาพไอโซเมตริกเป็นภาพลักษณะสามมิติอีกแบบหนึ่งของการเขียนแบบ  มีลักษณะเป็นภาพที่มองเห็นจากมุมที่กำหนดเป็นจุดเริ่มต้น  การสร้างภาพไอโซเมตริกนี้จึงเป็นการวัดเอาขนาดกว้าง ยาว ของด้านต่าง ๆ มาเป็นขนาดในภาพนั้นเอง  การเขียนแบบภาพไอโซเมตริกนี้จะแสดงการเขียนโดยใช้มุมทั้งสองข้างเท่ากัน คือ เป็นมุม 30 องศา โดยวัดจากเส้นระนาบ


    ]e
    ลำดับขั้นตอนการเขียนแบบภาพไอโซเมตริก
       3.1     ขีดเส้นระนาบ
                                                             
       3.2     ขีดเส้นตั้งฉากและ 30 องศา ซ้ายและขวา

        3.3      ขีดเส้นตั้งฉากและ 30 องศา ซ้ายและขวา

        3.4    ขีดเส้น 30 องศา ซ้ายและขวา

        ข้อสังเกตในการเขียนแบบภาพไอโซเมตริก
                   1.   มุมที่ใช้ในการเขียนแบบภาพไอโซเมตริกนี้จะมีเพียง 2 มุมเท่านั้นคือมุม 30 และ 90  กล่าวคือ เส้นที่ขีดทำมุมด้านซ้ายและขวา จะทำมุม 30 องศา  ส่วนเส้นที่ขีดขึ้นหรือขีดลงจะเป็นมุม 90 องศา
                   2.   เส้นที่ขีดจะเป็นเส้นขนานกันโดยตลอดคืนเส้นที่ทำมุมด้านซ้ายก็จะขนานกัน เส้นที่ลากด้านขวากจะขนานกัน และเส้นตั้งฉากก็จะขนานกัน
                   3.   การเขียนเส้นระนาบเส้นแรกควรให้อยู่ด้านล่างเพราะภาพที่เขียนจะอยู่ด้านบนและควรคำนึงถึงความสูงของภาพที่จะเขียนด้วยเพื่อไม่ให้ภาพที่เขียนล้นกรอบกระดาษเขียนแบบ
                   4.   ก่อนที่จะเขียนเส้นตั้งฉากจะต้องดูก่อนว่าภาพเอียงไปด้านใด หากภาพที่จะเขียนเอียงด้านซ้ายเส้นตั้งฉากจะต้องอยู่ด้านขวา เป็นต้น

      ตัวอย่างภาพไอโซเมตริก
      ที่มา : หนังสือเรียนงานช่างม.1-ม.3 สำนักพิมพ์วัฒนาพานิชย์
    การอ่านค่าความยาวและมาตราส่วน
    บอกขนาดของชิ้นงาน 
      การอ่านค่าความยาว  งานเขียนแบบแบ่งการวัดขนาดเป็น 2 ระบบใหญ่ ๆ คือ
      1.  ระบบนิ้ว ( ระบบอังกฤษ )  การวัดระบบนี้จะใช้หน่วยเป็นนิ้ว
      2.  ระบบเมตริก  การวัดระบบนี้ใช้หน่วยเป็นมิลลิเมตร  เซนติเมตร  เมตร
                 มาตราส่วน ( SCALE ) หมายถึง อัตราที่ใช้ย่อหรือขยายส่วน
                 การเขียนแบบโดยทั่วไป ภาพที่เขียนแบบจะมีขนาดที่สัมพันธ์พอเหมาะกับขนาดกระดาษเขียนแบบเสมอ เมื่อมองภาพแล้วเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนสมบูรณ์ ฉะนั้นการเลือกใช้มาตราส่วนที่เหมาะสมกับขนาดกระดาษเขียนแบบ ผู้เขียนแบบจึงต้องควรคำนึงถึงมาก

      มาตราส่วน แบ่งออกเป็น 3 ชนิด
      1.  มาตราส่วนย่อ  ( BRIEF SCALE ) เช่น 1 : 10 อ่านว่า  หนึ่งต่อสิบ  หมายถึง ของจริง 10 ส่วน เขียนลงในกระดาษเขียนแบบ 1 ส่วน
      2.  มาตราส่วนขยาย ( EXTENDED SCALE ) เช่น 10 : 1 อ่านว่า  สิบต่อหนึ่ง  หมายถึง ของจริง 1 ส่วน เขียนลงในกระดาษเขียนแบบ 10 ส่วน
      3.  มาตราส่วนเท่าของจริง ( FULL SCALE ) เช่น 1 : 1 อ่านว่า  หนึ่งต่อหนึ่ง  หมายถึง ของจริง 1 ส่วน เขียนลงในกระดาษเขียนแบบ 1 ส่วน
                สำหรับมุมต่าง ๆ ที่มีอยู่ในแบบไม่ว่าจะเป็นมุมตรงไหนก็ตาม จะไม่มีผลต่อการใช้มาตราส่วน กล่าวคือมุมไม่ต้องทำการย่อหรือขยายแต่ประการใด เช่น มุม 60 ไม่ว่าจะใช้มาตราส่วนย่อหรือมาตราส่วนขยาย มุม 60 ก็ยังเป็นมุม 60 อย่างเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
                สำหรับการเขียนค่าของตัวเลขบอกขนาด  ก็เช่นเดียวกันกับมุมต่าง ๆ ไม่ว่าจะใช้มาตราส่วนย่อหรือขยายก็ตาม  การกำหนดขนาดจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย เช่น  ขนาดความยาวของวัตถุ 15 เซนติเมตร  มาตราส่วนไม่ว่าจะย่อหรือขยาย  การเขียนตัวเลขบอกขนาดก็เขียน 15 เซนติเมตรเท่าเดิม

      ตัวอย่าง เช่นมาตราส่วนปกติ  1: 1     1 : 1  หมายความว่า ขนาดที่เขียนเท่ากับขนาดจริงของชิ้นงาน
    ขนาดที่เขียนแบบ                ชิ้นงานจริง 
      มาตราส่วนลดหรือย่อ  1 : 2, 1 : 5, 1 : 10, 1 : 20, 1 : 50, 1 : 100 1 : 200, 1 : 500, 1 : 1,000 , 1 : 2,000,1 : 5,000  1 : 10,000
      1 : 2  หมายความว่าเป็นการเขียนย่อขนาดภาพให้เล็กลงเช่น ขนาดที่เขียน 10 มม. ขนาดจริง 20 มม.

     
    บอกขนาดของชิ้นงาน 
      มาตราส่วนขยาย  2 : 1,   5 : 1,   10 : 1,   20 : 1,    50 : 1,  2 : 1  หมายความว่าเป็นการเขียนขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น เช่นขนาดที่เขียน 40 มม. ขนาดจริง 20  
     ขนาดที่เขียนแบบ                    ชิ้นงานจริง 
        สำหรับการใช้ในกรณีพิเศษ มาตราส่วนขยาย หรือมาตราส่วนลด สามารถคูณ หาร ด้วยตัวเลขจำนวนเต็มของฐานสิบ หลาย
    การกำหนดขนาดมิติ
    มาตรฐานการกำหนดขนาดมิติ ตาม DIN 406-11 และ DIN ISO 128-22             
      ขนาดชิ้นงาน
     
     มาตรฐานการกำหนดขนาดมิติ
      -  กำหนดด้วยหน่วยมิลลิเมตร โดยไม่ต้องเขียนหน่วยลงไปในแบบ
      -  การกำหนดขนาดสำหรับหน่วยอื่น เช่น นิ้ว,เมตร ให้เขียนหน่วยลงไปในแบบด้วยการกำหนดขนาดประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้ คือ
       เส้นช่วยบอกขนาด
     
    เส้นช่วยบอกขนาด
    ที่มา : http://kruning.cocons.co.th/index.php/vocation/drawing/
      -  มีความหนาเส้น 0.25 มิลลิเมตร  เป็นเส้นเต็มบาง  เขียนต่อจากขอบของชิ้นงาน และเขียนเลยหัวลูกศรประมาณ 2 มิลลิเมตร ส่วนมากเขียนตั้งฉากกับเส้นบอกขนาด
     
ษณ์ที่ใช้ในงานก่อสร้าง งานไฟฟ้า วิทยุ และสุขภัณฑ์